ชำแหละ 4 ประเด็นร้อน แมนยูฯ โดน เลสเตอร์ บุกตบคาบ้าน

"ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์ แทรฟเฟิร์ด แพ้ "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ ไป 1-2 และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นจากเกมนี้

1.โซลชาร์หมุนเวียนนักเตะเต็มที่

เรียกได้ว่า โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการเก็บนักเตะตัวหลักเอาไว้รองรับในแมตช์ต่อไปที่จะทำศึกแดงเดือดกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในวันพฤหัสบดีนี้นั่นเอง เกมนี้เราจึงได้เห็นหน้าตา 11 ตัวจริงที่แทบจะมีการเปลี่ยนแปลงยกชุด ประกอบด้วยผู้รักษาประตูเป็น ดาบิด เดเคอา (GK) กองหลัง 4 คน จากซ้ายไปขวาได้แก่ อเล็กซ์ เตลเลส, อักเซล ตวนเซเบ, เอริก ไบญี และ แบรนดอน วิลเลียมส์ ต่อกันที่คู่มิดฟิลด์ใช้ เนมันยา มาติช จับคู่กับ ดอนนี ฟาน เดอ เบค โดยมี แอนโธนี เอลังกา, ฆวน มาตา และ อาหมัด ดิยัลโล ทำเกมรุกสนับสนุน เมสัน กรีนวูด กองหน้าตัวเป้า ส่วนดาวดังอย่าง บรูโน เฟอร์นันเดส, เอดินสัน คาวานี, พอล ป็อกบา, ลุค ชอว์, อารอน วาน บิสซากา และ มาร์คัส แรชฟอร์ด มีชื่อเป็นตัวสำรอง และมีโอกาสลงสนามมาในระหว่างครึ่งหลังแค่ 3 ราย คือ คาวานี, บรูโน และ แรชฟอร์ด

2.รูปเกมแลกกันสนุก ผียุบครึ่งหลัง

เปิดฉากครึ่งแรกมาทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันอย่างสนุกเลยทีเดียว บรรดาตัวสำรองปนดาวรุ่งของยูไนเต็ดก็พยามสู้เต็มที่เพื่อหวังเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงในอนาคต ส่วนเลสเตอร์ ซิตี้ ก็ต้องการ 3 แต้ม เพื่อโอกาสในการติดท็อปโฟร์ไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า ก่อนจะเป็น เลสเตอร์ ที่ขึ้นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 10 จากจังหวะที่ ยูริ ติเลอมองส์ เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้ากรอบเขตโทษ บอลเลยมาถึง ลุค โธมัส กระหน่ำด้วยซ้ายเต็มข้อเสียบสามเหลี่ยม เดเคอา ได้แค่ใช้สายตาเซฟ แต่ยูไนเต็ดก็มาตีเสมอได้อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 15 เมื่อ เมสัน กรีนวูด ลากเข้าไปในเขตโทษก่อนกดด้วยขวาเข้าไปอย่างเฉียบขาด ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้ จากนั้นครึ่งหลัง เลสเตอร์ เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เดินหน้าบดเข้าใส่ แมนยูฯ อย่างหนัก กระทั่งนาทีที่ 66 "จิ้งจอกสยาม" ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 สมใจ เมื่อ มาร์ค อัลไบรจ์ตัน เปิดลุกเตะมุมจากฝั่งขวาเข้ามาให้ คักลาร์ โซยุนคู ขึ้นโหม่งเข้าไป จังหวะนี้ต้องโทา 2 ผู้เล่นของยุไนเต้ดอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ปละ เนมันยา มาติช ที่ประกบ โซยุนคูได้ไม่ดีพอ และช่วงเวลาที่เหลือ เลสเตอร์ ก็เอาอยู่และเบียดเอาชนะ แมนยูฯ ไปได้ 2-1 ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของตาราง ส่วนปิศาจแดง ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ 10 แต้ม ไล่ไม่ทันแน่นอนแล้ว ส่งผลให้ เรือใบสีฟ้า คว้าแชปม์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้มาครอง

3. วิลเลียมส์, เตลเลส, ฟาน เดอ เบค ฟอร์มน่าผิดหวัง

เป็นอีกครั้งที่ ดอนนี ฟาน เดอ เบค กองกลางเลือดดัตช์ของปิศาจแดง ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง แต่กลับโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง แรงปะทะสู้นักเตะเลสเตอร์ ไม่ได้ ทำเสียบอลหลายครั้ง บางจังหวะถึงขั้นทำให้ทีมต้องโดนโต้กลับจนเกือบเสียประตู นอกจากนี้ยังทำได้แค่เพียงแปะบอลไปมา ไม่มีการจ่ายบอลแบบทะลุทะลวงให้เห็น ยิงไกลก็ไม่ได้ ถ้าเจ้าตัวยังยกระดับฝีเท้าของตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้ไม่ได้อาจจำเป็นต้องเก็บข้าวของย้ายทีมในอนาคตอันใกล้ ส่วน อเล็กซ์ เตลเลส ดูแล้วน่าจะเบียด ลุค ชอว์ ได้ยาก เพราะฟอร์มการเล่นนัดล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวยังไม่ดีพอที่จะเป็นตัวจริงให้กับปิศาจแดง ไม่สามารถพาบอลตะบอลไปข้างหน้าได้ ส่วนจุดเด่นอย่างลูกตั้งเตะหรือการครอสบอลต่างๆ ก็แทบไม่ได้ผล ปิดท้ายที่ แบรนดอน วิลเลียมส์ บางทีก็น่าแปลกใจที่ โซลชาร์ เลือกที่จะเก็บเขาไว้ แล้วปล่อย ดิโอโก ดาโลต์ ให้ เอซี มิลาน ยืมตัว ทั้งที่ ดาโลต์ มีฝีเท้าที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในแง่ของการเติมเกมบุก การเปิดบอล ที่ทำได้ไม่ดีสักอย่าง คาดว่าฤดูกาลหน้าอาจจะกลายเป็น ดาโลต์ ที่จะถูกดึงกลับมาแล้ว วิลเลียมส์ ถูกปล่อยยืมบ้าง แต่ทั้งสองคนก็ไม่มีใครทำได้เทียบเท่ากับตัวจริงอย่าง อารอน วาน-บิสซากา ได้เลย

4. กรีนวูด ดาวยิงตัวความหวัง

นอกจาก เอดินสัน คาวานี กับ บรูโน เฟอร์นันเดส แล้ว อีกคนที่จะเป็นตัวความหวังและพึ่งพาได้ของ ยูไนเต็ด คงจะหนีไม่พ้นกองหน้าวัย 19 ปี อย่าง เมสัน กรีนวูด ที่ถ้านับประตูล่าสุดที่เจ้าตัวทำได้ในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้เขาซัดไปแล้วถึง 12 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 49 นัด รวมทุกรายการในซีซั่นนี้ เด็กคนนี้เป็นดาวยิงที่ค่อนข้างครบเครื่องทั้งการเคลื่อนที่หสโอกาสในการทำประตู ความเฉียบคมทั้งเท้าซ้ายและเท้าขวาที่พร้อมระเบิดตาข่ายคู่แข่ง นอกจากนี้ยังสามารถไปกับบอลและเลี้ยงกินตัวได้ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเท ถอยลงมาล้วงบอลเอง หรือลงมาช่วยเกมรับเราด็เคยเห็นมาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอนาคตของ ปิศาจแดง ในยุคใหม่อย่างแท้จริง