“ฟลิก” ผู้ปิดทองหลัง “เสือใต้”

ถ้าหากเอ่ยถึงทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ชั่วโมงนี้ก็คงไม่พ้น “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ทีมแกร่งจากบุนเดสลีกา เยอรมนี ที่เพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลกมาหมาดๆ ด้วยการเชือดติเกรส ทีมแกร่งจากลีกเม็กซิโก ไปได้ 1-0 คว้าแชมป์สมัยที่ 2

นอกจากนั้น การคว้าแชมป์สโมสรโลกทำให้ “เสือใต้” คว้าแชมป์ไปทั้งหมด 6 แชมป์แล้ว ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล, ซูเปอร์ คัพ และยูฟ่า ซูเปอร์ ลีก

โดยทั้งหมดนี้ บาเยิร์นใช้ระยะเวลาเพียง 9 เดือน ในการกวาดแชมป์ทั้งหมด

เรียกได้ว่าการคว้า 6 แชมป์ของบาเยิร์น นั้นทีมที่สองที่ทำได้ก่อนหน้านั้นเป็น “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา ตอนนั้นมีเป๊ป กวาร์ดิโอลา นายใหญ่ของ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ คุมทีมอยู่ในปี 2009

บอกได้เลยว่าการคว้า 6 แชมป์ ในวงรอบปี นั้นถือว่าค่อนข้างยากจริงๆ

เพราะถ้าง่ายก็คงมีหลายทีมที่ทำได้แล้วไม่ใช่มีเพียงแค่ 2 ทีมเท่านั้น

ส่วนใหญ่หลายทีมที่ไม่ได้ครบ 6 แชมป์นั้น ก็มาจากในลีกของตัวเองทั้งนั้น เพราะการคว้าทริปเปิลแชมป์ของลีกต่างๆนั้นค่อนข้างยากเลยทีเดียว

หลายคนอาจจะบอกว่าที่บาเยิร์น มิวนิก ทำได้ก็เพราะลีกบุนเดสลีกาไม่แข็งแกร่งและ “เสือใต้” มีขุมกำลังที่ดีที่สุดในลีก จนทำให้ตอนนี้ บาเยิร์นคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 8 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว

อันนั้นไม่เถียงว่าบาเยิร์นมีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวมีขุมกำลังแข็งแกร่งแล้วไง แต่ถ้ากุนซือไม่เก่งพอก็ไม่สามารถพาทีมไปถึงเป้าหมายได้เช่นกัน

ลองดูจาก “เสือใต้” เมื่อฤดูกาลที่แล้วได้แต่งตั้งนิโก โควัช กุนซือชาวโครแอต ที่ว่าแน่ๆ ก็ยังอยู่ได้ไม่นาน หลังจากในฤดูกาล 2019-2020 พาทีมโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่จนหล่นมารั้งอันดับ 4 ของตาราง

ตอนนั้นก็มีรายชื่อกุนซือชื่อดังมากมายไม่ว่าจะเป็นโจเซ มูรินโญ, ราล์ฟ รังนิก, มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี และเมาริซิโอ โปเชตติโน เป็นตัวเต็งที่จะเข้ามาคุมทีมแทน

แต่จนแล้วจนเล่าบาเยิร์นก็เลือกไม่ได้โดยให้ฮันส์ ดีเทอร์ ฟลิก ผู้ช่วยโค้ชของโควัช รับหน้าที่แทนไปก่อน

ฟลิกก็สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนทำให้บอร์ดบริหารของบาเยิร์นไว้วางใจและแต่งตั้งให้เป็นกุนซือ “เสือใต้” แบบถาวร โดยมี สัญญาจนถึงปี 2023

ซึ่งฟลิกก็สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมพา “เสือใต้” คว้าทริปเปิลแชมป์ได้สำเร็จ บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล และยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาครอง

จากนั้นก็มาได้อีก 3 แชมป์ ได้แก่ ซูเปอร์ คัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์ ลีก และใบสุดท้ายที่ได้มาหมาดๆ แชมป์สโมสรโลก

ซึ่งบอกได้เลย ฟลิกคือคนที่ปิดทองหลังพระจริงๆ

จากตัวสำรองที่ก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือนอกสายตา

จนพาตัวเองก้าวมาเป็นกุนซือชั้นนำของโลกได้

ต้องขอคารวะจริงๆ.